กด Like ไป1ทีเพื่อน

ป้ายกำกับ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.
วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

ทำไม คนไทยติดเมา??

ผมก้อยากจะรู้ หรือว่ามันติดเมากันทุกประเทศทั่วโลก

ทำไมคนไทยไม่มีสถิติอะไรดีๆกะเค้ามั่ง มีแต่ ติดเหล้าติดอันดับโลก รถติด ติดอันดับโลกงี้!!

แสรดด  เศร้าใจจริง เพราะงั้นมาช่วยๆกัน ทำให้มันดีขึ้น ถ้ามันไม่ดีขึ้นก้เอาให้แมร่งหนักๆไปเลย เหอๆ


Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This
วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

น้ำกระท่อม รู้มั้ยน่ะมันไม่มีดี ไม่มีดีกรี มีแต่เมา รู้เท่าทันน้ำกระท่อมกัน

ทำความรู้จักน้ำกระท่อม และ

 ใบกระท่อม หรือใบท่อม ที่เราชาวใต้เรียกขาน ในชีวิตการใช้แรงงาน ออกเหงื่อออกกำลัง ใบท่อมกลายเป็นส่วนหนึ่ง อย่างน้อยเวลานั่งพัก นั่งรูดท่อม ดูดยาเส้น นินทาเพื่อน ชาดได้แรงอก! (ได้อารมณ์มากๆ) อีกอย่างใบกระท่อมยังเป็นยาสมุนไพรอีกหลายๆ ชนิด โดยเฉพาะแก้ไอ ได้ชะงัดนัก แค่เอาใบกระท่อมห่อน้ำตาลเคี้ยวละเอียดก่อนกลืนก็แก้ไอได้แล้ว เมื่อก่อนหากดูการ์ตูน ป็อบอาย กับโอลีฟ เมื่อหมดพลัง ก็จะกินผักเขียว คนใช้แรงงานอย่างเราๆ ก็ต้องกินน้ำท่อม ที่จริงป็อบอาย กินผักเขียวหลังคนใต้กินน้ำท่อมเสียอีก (ฮา) เมื่อกล่าวถึงการกินใบกระท่อมของคนทางภาคใต้แล้ว บทเพลงดังกล่าวคงสะท้อนภาพได้เป็นอย่างดีซึ่งแต่ก่อนคนวัยผู้ใหญ่ หรือ คนเฒ่าคนแก่จะกินเพื่อทำงานและนั่งกินกันที่ร้านน้ำชา กาแฟ เป็นเรื่องปกติซึ่งเมื่อประมวลภาพในสังคมไทยแล้วยังไม่ปรากฏว่าคนที่กินใบกระท่อมแล้วมีอาการมึนเมาจนประสาทหลอนคลุ้มคลั่งทำรายร่างกายคนอื่น และก่อความเดือนร้อนต่อสังคม แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป ใบกระท่อมเป็นวัตถุดิบสำคัญในการนำไปผสมเป็นยาเสพย์ติดที่ในแวดวงผู้เสพย์ขนานนามมันว่า "สี่คูณร้อย" ซึ่งมีส่วนผสมสำคัญ คือ ใบกระท่อม น้ำโค้ก (Coca-Cola) และ ยาแก้ไอ ซึ่งอาจมีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่าผสมยากันยุงบ้าง ไส้หลอดไฟนีออนบ้างแต่สิ่งที่กำลังเป็นไปในสังคมและชุมชนตอนนี้คือ ใบกระท่อม น้ำโค้ก (Coca-Cola) ยาแก้ไอ และ น้ำแข็ง ซึ่งเราลองมาพิจารณาวัตถุดิบและที่มาซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของยาเสพย์ติดชนิดดังกล่าว เริ่มจาก ใบกระท่อม ซึ่งหาได้ทั่วไปในท้องถิ่นโดยเฉพาะทางภาคใต้ น้ำโค้ก (Coca-Cola) ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปซึ่งอาจกล่าวได้ว่าไม่มีร้านค้าไหนเลยที่ไม่มีเครื่องดื่มชนิดนี้วางจำหน่ายจากการเก็บข้อมูลยังไม่มีปรากฏให้เห็นเลยว่ามีการต้มยาเสพย์ติดชนิดดังกล่าว กับ เครื่องดื่ม เช่น แฟนต้า สไปร์ แป๊บซี่ หรือ เครื่องดื่มชูกำลังชนิดอื่นๆ ซึ่งทางบริษัทหาดทิพย์ จำกัด ( มหาชน) ไม่แน่ใจว่าทราบข้อมูลนี้หรือยังว่า เครื่องดื่มภายใต้การผลิตของท่านถูกนำเป็นส่วนผสมสำคัญในการผลิตเป็นสารเสพย์ติดชนิด สี่คูณร้อย หรือมุ่งหวังแค่การตลาดแต่เพียงอย่างเดียวโดยละเลยความรับชอบต่อสังคม ลำดับต่อมา ยาแก้ไอ ซึ่งเป็นยาที่ผิดกฎหมายต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์แต่กลับหาซื้อได้อย่างง่ายดายซึ่งอาจจะเป็นเพราะราคาแค่ขวดละ 50 - 60 บาท จากการเก็บข้อมูลในชุมชนตอนนี้ทำรายได้ให้กับผู้ขายอย่างเป็นล่ำเป็นสัน และ น้ำแข็ง ก็เช่นเดียวกันหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ที่ได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาไม่ได้แนะนำหรือชี้นำให้กับเยาวชนหันไปเสพย์ยาเสพติดชนิดดังกล่าวแต่ต้องการถามสังคมดังๆ ว่า เยาวชนซึ่งเป็นกำลังหลักของชาติต่อไปในอนาคตกำลังติดอยู่กับยาเสพย์ติดประเภทนี้อย่างหนัก ทั้ง ผู้หญิงและ ผู้ชาย และแผ่ขยายไปทั่วทุกจังหวัดของภาคใต้ ทุกอำเภอและชุมชน
Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This
วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

ข่าวล่า มิยาบิ มาเรีย โอซาว่า ดาราAV ยุ่น เป็นเอดส์ จริงหรือเท็จ?

ขวัญใจคนฮาร์ดคอร์แบบติดอีโมเล็กๆถึงกับต้องเสียใจกันทีเดียวถ้าข่าวเป็นความจริง

เมื่อมิยาบิ ดารา AV ชื่อดัง ออกมายอมรับกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอัลจาซีราว่า
เธอได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอังโคะคุจิ ผลตรวจเลือดปรากฎว่าเป็นบวก นายแพทย์โฮเนะคาว่าแจ้งข่าวร้ายนี้ให้เธอได้ทราบ
โดยระบุว่าเธอเป็นเอดส์
"เมื่อได้ทราบเรื่องนี้ก็ตกใจมาก ทางพ่อแม่ที่เคยตัดสัมพันธ์เมื่อครั้งเริ่มเล่นหนัง AV ก็ให้อภัย
และให้ฉันกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิด แต่ฉันตั้งใจว่าจะไปบวชในวัดห่างไกล เพื่อบำเพ็ญภาวนาจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิต
โอซาว่า มิยาบิ เป็นดารา AV ชื่อดังที่มีผลงานมาแล้วนับร้อยเรื่อง และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยเป็นส่วนใหญ่
(ยสตน - ผู้เรียบเรียง) ตอนนี้ค่าย S1, Attackers และค่ายหนังอีกหลายค่ายที่เคยใช้บริการของมิยาบิ ได้ระงับการถ่ายทำหนัง AV
เพื่อส่งตัวเหล่านักแสดงไปตรวจเลือดเสียก่อน คิดเป็นค่าเสียหายในการนี้กว่าร้อยล้านเยน
นอกจากนั้น มิยาบิยังฝากขอโทษข้ามโลกมาที่ประเทศไทยด้วย "ฉันอยากฝากขอโทษไปยังผู้กำกับหนังที่เมืองไทย และนักร้องเพลงร็อคหัวล้านๆ ที่เมืองไทย
ที่ฉันมีเพศสัมพันธ์ด้วยตอนที่มาทำงานที่เมืองไทย ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของฉันอาจทำให้พวกเขาได้รับเคราะห์ไปด้วย
เพราะคุณหมอโฮเนะคาว่าบอกฉันว่า ฉันมีเชื้อเอดส์มาระยะหนึ่งแล้ว"


ใครหว่าทีนี้ ให้เทอรู้ว่ากูก้อเอา หรือป่าว เพื่อนคิดว่างัย ชัว หรือ มั่วนิ่ม
Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This
วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

ยาแก้แพ้ยี่ห้อโปรโคดิล (procodyl® syrup)

............................................................................................


ยาแก้แพ้ยี่ห้อโปรโคดิล (procodyl® syrup) ประกอบด้วยตัวยาสำคัญคือ promethazine hydrochloride มีข้อบ่งใช้คือ บรรเทาอาการแพ้ ป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ promethazine เป็น h1- antihistamine เป็นสารเคมีพวก amine อยู่ในกลุ่มphenothiazines มีฤทธิ์ทำให้ง่วงมาก จึงอาจนำมาใช้ช่วยให้นอนหลับ ใช้ป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน ( เนื่องจากการ เปลี่ยนแปลงความเร็วและสถานที่ได้ผลดีมาก เช่นเดียวกับ dimenhydrinate ) และมีฤทธิ์คล้าย atropine ยาในกลุ่มนี้อาจกดการหายใจ และทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดขาวลดลง (agranulocytosis)


ข้อควรระวังในการใช้ยา 1. ห้ามใช้กับผู้ที่หมดสติหรือมีอาการซึมเซามาก 2. ควรระมัดระวังในการใช้กับผู้ที่เป็นโรคตับ หรือโรคหัวใจ 3. อาจทำให้หยุดหายใจ


รูปแบบเภสัชภัณฑ์ เป็นยาน้ำเชื่อมใส สีน้ำตาล รสหวาน ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด บรรจุขนาด 100 ซีซี ขนาดรับประทาน 5 มก./5 มล.


การควบคุมตามกฎหมาย จัดเป็นยาอันตราย ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 /

Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This

Travie McCoy: Billionaire ft. Bruno Mars

Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This
วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

เนื้อเพลงและคำแปล บิลเลี่ยนแน Billionaire - ทราวี่ แม็คคอย และ บรูโน่ มาร์



Billionaire - Travie Mccoy เนื้อเพลง และ แปล ครับเพื่อนๆ

เพลง Billionaire ขับร้องโดย Travis McCoy นักร้องนำวง Gym Class Heroes ครับ ซึ่งเพลงนี้ก็ได้ช่วยประสานเสียงโดย Bruno Mars ผมชอบมาก

เพลงBillionaireได้ไต่ขึ้นไปสูงสุดถึงอันดับที่ 5 ของ Billboard charts แน๊ะ แรงส์จริงๆ

2 คนเค้าร้องกันได้สนุกจัด แถมเนื้อเพลงเจ๋งอีกต่างหาก ลุยย!!!


I wanna be a billionaire so fucking bad

ขั้นอยากจะเป็นเศรษฐีอย่างมาก


Buy all of the things I never had

จะซื้อทุกอย่างที่ฉันไม่เคยมี


Uh, I wanna be on the cover of Forbes magazine

ชั้นอยากจะไปอยู่บนหน้าปกนิตยสารฟอร์บ (ฟอร์บเป็นนิตยสารจัดอันดับคนรวยที่สุดในประเทศ40ท่าน)


Smiling next to Oprah and the Queen

ยืนยิ้มเคียงข้างโอปราและพระราชินี (โอปราห์ เกล วินฟรีย์ เป็นพิธีกรชื่อดังประเภททอล์คโชว์ รายการ The Oprah Winfrey Show ทอล์คโชว์ที่มีเรทติ้งการชมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์รายการโทรทัศน์ และยังเป็นผู้หญิงชาวแอฟริกัน อเมริกันที่รวยที่สุดในศตวรรษที่ 20 )

[Chorus]

Oh every time I close my eyes

โอ้ ทุกครั้งที่ฉันหลับตา


I see my name in shining lights

ฉันเห็นชื่อตัวเองสว่างสดใส


A different city every night oh

เปลี่ยนเมืองที่จะไปอยู่ทุกๆคืน


I swear the world better prepare

สาบานได้ว่าโลกนี้ได้เตรียมไว้ดีกว่า


For when I’m a billionaire

เมื่อฉันได้เป็นเศรษฐี



[Travis "Travie" McCoy]

Yeah I would have a show like Oprah
ชั้นจะทำโชว์เหมือนโอปรา 

แจกรถสปอร์ต276คัน


(โอปราห์ เกล วินฟรีย์ เป็นพิธีกรชื่อดังประเภททอล์คโชว์ รายการ The Oprah Winfrey Show ทอล์คโชว์ที่มีเรทติ้งการชมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์รายการโทรทัศน์ และยังเป็นผู้หญิงชาวแอฟริกัน อเมริกันที่รวยที่สุดในศตวรรษที่ 20 )ล่าสุดนิตยสารฟอร์บส์เปิดเผยข้อมูลว่าโอปราห์คือสตรีผู้ร่ำรวยที่สุดในวงการบันเทิง ด้วยสินทรัพย์ประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์ ทิ้งห่างอันดับ 2 "เจ. เค. โรว์ลิ่ง" นักเขียนชาวอังกฤษเจ้าของวรรณกรรมเยาวชนขายดี "แฮรี่ พอตเตอร์" ที่มีสินทรัพย์ประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ และอันดับ 3 คือ "มาร์ธา สจ๊วต" นักธุรกิจหญิงชาวอเมริกัน ซึ่งมีสินทรัพย์ประมาณ 600 ล้านดอลลาร์

I would be the host of, everyday Christmas

ชั้นจะเป็นผู้จัดงานคริสมาสทุกๆวัน


Give Travie a wish list

มาขอพรจาก Travie


I’d probably pull an Angelina and Brad Pitt

ชั้นอาจจะดึง Angelina และ Brad Pitt มาร่วมเลี้ยงเด็ก


And adopt a bunch of babies that ain’t never had sh-t

และรับเลี้ยงเด็กยากไร้เหล่านั้น

Give away a few Mercedes like here lady have this

แจกรถเบ็นซ์ให้สาวๆขับ


And last but not least grant somebody their last wish

และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด จะให้พรตามที่หวัง


Its been a couple months since I’ve single so

เป็นเวลาหลายเดือนตั้งแต่ชั้นอยู่โดดเดี่ยว


You can call me Travie Claus minus the Ho Ho

เธอสามารถเรียกฉันว่า ทราวิส คลอส ไม่มี โฮะๆ(ใช้เรียกแทนซานตา คลอส โฮะๆ)


Get it, hehe, I’d probably visit where Katrina hit

ฉันเข้าใจ ฉันจะไปเยี่ยมพื้นที่ที่โดนผลกระทบจากพายุแคทริน่า


And damn sure do a lot more than FEMA did

และแน่นอนว่าฉันทำได้มากกว่าที่ FEMA(องค์กรเพื่อการบริหารจัดการสถานการ์ณฉุกเฉินแห่งรัฐบาลกลาง)ทำ

Yeah can’t forget about me stupid

และจะไม่มีวันลืมฉัน


Everywhere I go Imma have my own theme music

ทุกที่ที่ฉันไปก็จะเปิดเพลงของฉัน


[Travis "Travie" McCoy]


I’ll be playing basketball with the President

ฉันจะเล่นบาสเก็ตบอลกับปธานาธิบดี


Dunking on his delegates

ยัดห่วง(บาส)ในฝ่ายผู้ช่วยของเขา


Then I’ll compliment him on his political etiquette

และฉันก็จะชมเชยในมารยาทของเค้า


Toss a couple milli in the air just for the heck of it

โยนเงินล้านเหรียญไปบนอากาศเพื่อคนที่กำลังประท้วง


But keep the fives, twentys ... completely separate

แต่ก็แยกห้า ยี่สิบ เอาไว้ (ยังงงอยู่ ขอโทษครับผม งง น่าจะแยกเงินไว้นะ)


And yeah I’ll be in a whole new tax bracket

และฉันก็จะยอมจ่ายภาษี (คนรวยชอบหนีภาษี)


We in recession but let me take a crack at it

เราอยู่ในช่วงตกต่ำของเศรษกิจ แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันจัดการปัญหานี้เถอะ


I’ll probably take whatevers left and just split it up

ฉันจะดูแลทุสิ่งที่เหลืออยู่และทำให้มันงอกเงยขึ้น


So everybody that I love can have a couple bucks

และทุกคนที่ฉันรักก็จะได้หลายถัง(กล่าวถึงการแจกอาหาร)

And not a single tummy around me would know what hungry was

และไม่มีสักคนที่อยู่รอบตัวฉันที่รู้จักความหิวโหย


Eating good sleeping soundly

กินดี หลับสบาย


I know we all have a similar dream

ฉันรู้ว่าทุกคนมีฝันที่เหมือนกัน


Go in your pocket pull out your wallet

ล้วงไปในกระเป๋าแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา


And put it in the air and sing

และโยนมันไปในอากาศแล้วร้องเพลงออกมา

>>ย้อนไปท่อนฮุค I wanna be a billionaire so fucking bad


ที่นี้เรามาวิเคราะห็บางประโยคกันนะ

" And yeah I’ll be in a whole new tax bracket และฉันก็จะยอมจ่ายภาษีทั้งหมด "

เป็นการพูดประชดคนรวยบางคนครับ เพราะคนรวยส่วนมากมักจะหาวิธีเลี่ยงภาษี(ทั้งๆที่ตัวเองมีรายได้มากกว่าคนชั้นกลาง)

" And not a single tummy around me would know what hungry was

และรอบๆตัวฉันไม่ใช่มีแค่ท้องเดียวที่รู้ถึงความหิว(อดอยาก) "


แบบมันเจ๋งทั้งเนื้อร้องและความสนุกสนานของดนตรี แถมยังได้ไอเสียงหล่อ บรูโน่ มาร์ มาร้องท่อนฮุคให้อีก เฟี้ยวเงาะมากๆ ชอบเพลงนี้มาก ไว้พี่จะเอาคอร์ดมาฝาก เพราะมันเป็นเพลงที่ผมเล่นทุกๆครั้งที่จับกีต้าร์ แต่แปลออกมาเป็นไทยๆก็ประมาณว่า "ใครอยากเป็นเศรษฐี?" "ฉันนะสิๆ!" 55555
Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This
วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

ยานอนหลับ


ยานอนหลับ

หลาย ๆ คนคงเคยพึ่งพายานอนหลับมาบ้างไม่มากก็น้อย เวลาเกิดอาการนอนไม่หลับ แต่ขอแนะนำว่าอยู่ให้ห่าง ๆ ยานอนหลับไว้จะดีกว่า แม้ว่ายานั้นจะได้รับมาจากคุณหมอก็ตาม

คนที่ใช้ยานอนหลับทุก ๆ ครั้ง จะทำให้เกิดนิสัยการใช้ยาได้และหากวันใดที่ไม่ได้ใช้ยานอนหลับก็จะไม่สามารถหลับได้เองตามธรรมชาติได้อีกเลย นั่นยิ่งเท่ากับว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลย กลับทำให้อาการนอนไม่หลับฝังรากลึกลงไปอีก

ยานอนหลับนั้นควรใช้ในบางสถานการณ์ ตามที่คุณหมอแนะนำ แต่คุณเองก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ลองหาวิธีอื่น ๆ มาทดลองใช้ทดลองทำอย่างวิธีตามธรรมชาติ เช่น การออกกำลังกาย ผลที่ได้นั้นคุ้มแสนคุ้ม สุขภาพแข็งแรงขึ้น ให้คิดถึงเสมอว่ายานอนหลับนั้นถึงแม้จะช่วยให้คุณหลับลงได้ แต่ก็มีผลเสียต่อสุขภาพของคุณอย่างแน่นอน
Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This
วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

7 ความเข้าใจผิด ?จริงป่าวว้า?

1.มนุษย์ใช้สมองแค่ 10% เท่านั้น
      
ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษ 1900 เชื่อกันว่าสมองของคนเราทำงานเพียงแค่ 10% ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ใครคนหนึ่งกุขึ้น เพื่อที่จะต้องการครอบงำกลุ่มคนหมู่มาก กระทั่งวิทยาการก้าวหน้า นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาสมองจากภาพสแกน ก็ไม่พบว่ามีสมองส่วนไหนที่อยู่นิ่งเฉย หรือว่ามีเซลล์สมองในบริเวณไหนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ และจากการศึกษากระบวนการทางเคมีของเซลล์สมองบ่งชี้ว่าไม่มีสมองบริเวณไหนที่ไม่ทำงาน และจากการศึกษาผู้ป่วยที่ได้รับความกระทบกระเทือนที่สมองยังบ่งชี้ว่าสมองที่ถูกทำลายเกือบทั้งหมดนั้นจะมีบริเวณจำเพาะที่เมื่อถูกทำลายแล้วจะมีผลต่อการสมรรถภาพร่างกาย
      
2.ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
      
"ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่าคนเราต้องการน้ำมากมายขนาดนั้น" ดร.ฟรีแมนระบุ ซึ่งเธอคาดว่าความเชื่อนี้มีที่มาจากสภาโภชนาการของสหรัฐฯ เมื่อปี 2548 ที่แนะนำให้ประชาชนบริโภคของเหลววันละ 8 แก้ว แต่ในปีต่อๆ มาหลังจากนั้น คำว่า "ของเหลว" จำกัดอยู่เฉพาะแค่ "น้ำเปล่า" ไม่ได้หมายรวมถึงน้ำผัก ผลไม้ กาแฟ หรือว่าของเหลวอื่นๆ เข้าไปด้วย
      
อีกหนึ่งต้นตอของความเชื่อนี้น่าจะมาจากเฟรเดอริค สแทร์ (Frederick Stare) โภชนากรที่แนะนำให้ดื่มเครื่องดื่มวันละ 6-8 แก้ว ซึ่งครอบคลุมทั้งน้ำเปล่า ชา กาแฟ นม เบียร์ และซอฟดิงก์อื่นๆ ต่อมาการแนะนำที่ปราศจากข้อมูลอ้างอิงของสแทร์ถูกหักล้างด้วยข้อมูลของไฮนซ์ วาลติน (Heinz Valtin) ที่รายงานไว้ในวารสารอเมริกันเจอร์นัลออฟฟิสิโอโลจี (American Journal of Physiology) ที่ว่าการบริโภคนม น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ เป็นประจำในแต่ละวันเท่านี้ร่างกายก็ได้รับของเหลวเพียงพอต่อความต้องการแล้ว ในทางตรงกันข้าม การดื่มน้ำมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายเมื่อเกิดภาวะสารน้ำในร่างกายมากผิดปกติจนเกิดเป็นพิษ หรือที่เรียกว่า "น้ำเป็นพิษ" (water intoxication)
      
3.ตายไปแล้วแต่เล็บและเส้นผมยังคงงอก
      
ผู้แต่งหนังสือเรื่อง "แนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง" (All Quiet On The Western Front) บรรยายไว้ว่าเล็บของเพื่อนคนหนึ่งยาวขึ้นหลังจากพิธีฝังศพผ่านไปแล้ว ส่วนจอห์นนี คาร์สัน (Johnny Carson) นำความเชื่อนี้มาเขียนเป็นเรื่องขำขันจนกลายเป็นความเชื่ออมตะว่า หลังจากตายไปแล้ว 3 วัน ผมและเล็บของเราจะงอกใหม่
      
แพทย์ส่วนใหญ่คิดว่านี่เป็นเรื่องจริงในตอนแรก แต่เมื่อพิจารณาให้ถี่ถ้วนจะเห็นว่า ที่จริงแล้วขณะที่ศพกำลังแห้งลง เนื้อเยื่อส่วนที่นุ่มอย่างผิวหนังก็จะหดตัว ทำให้เผยชิ้นส่วนของเล็บมากขึ้น ทำให้ดูว่ายาวออกมา เช่นเดียวกันเส้นผม ซึ่งจะสังเกตเห็นผิวหนังหดตัวได้น้อยกว่า อย่างไรก็ดีฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้ผมและเล็บยาวนั้นไม่มีทางทำงานหลังจากเจ้าของร่างสิ้นใจไปแล้วเป็นแน่
      
4.ผมหรือขนงอกเร็วกว่าเก่าเมื่อโกน แถมหยาบและสีเข้มขึ้นด้วย
      
ปี 2471 นักวิทยาศาสตร์ทดลองโกนผมแล้วเปรียบเทียบผมที่งอกใหม่กับผมที่ไม่ได้โกน ผลปรากฏว่าผมที่งอกขึ้นมาแทนผมที่ถูกโกนไปก่อนหน้านั้นไม่ได้มีสีเข้มหรือเส้นหนา หรืองอกเร็วไปกว่าผมปกติเลย การทดลองครั้งหลังๆ ก็ให้ผลเช่นเดียวกัน ที่จริงแล้วเมื่อผมถูกโกนและงอกใหม่เป็นครั้งแรก จะยังเป็นเส้นผมทื่อๆ ตรงส่วนปลาย แต่เมื่อผ่านไปนานวันเข้า ปลายผมที่เคยแข็งทื่อก็จะค่อยๆ เสื่อมสภาพและอ่อนนุ่มขึ้น ส่วนที่มองเห็นเป็นสีเข้มกว่าปกติ เนื่องจากว่าในตอนแรกผมเส้นนั้นยังไม่ถูกแดดเผาทำลายให้สีซีดจางลง
      
5.อ่านหนังสือในที่แสงน้อยทำให้สายตาเสีย
      
เรื่องนี้เป็นที่เชื่อถือกันอย่างแพร่หลาย และผู้ใหญ่ก็มักจะห้ามไม่ให้เด็กๆ อ่านหนังสือในที่มืดหรือที่ที่มีแสงน้อย มิฉะนั้นแล้วจะสายตาสั้นและต้องสวมแว่น เป็นต้น ความเชื่อนี้น่าจะมาจากจักษุแพทย์ที่บอกว่าหากใช้สายตาในที่แสงสว่างน้อยกว่าปกติจะมีผลต่อการรับภาพของประสาทตา ทำให้อัตราการกระพริบตาลดลง ตาแห้งและระคายเคือง
      
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนักวิจัยและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตายังไม่พบหลักฐานชี้ชัดว่าการอ่านหนังสือในที่มืดจะทำลายสุขภาพตาอย่างถาวร แต่สามารถทำให้ดวงตาย่ำแย่และการมองเห็นด้อยลงเป็นเวลาชั่วครั้งชั่วคราวได้
      
6. รับประทานไก่งวงทำให้ง่วงนอน
      
เดิมทีแพทย์และนักวิจัยต่างก็เชื่อว่าหากรับประทานไก่งวงแล้วจะรู้สึกง่วงนอน แต่พบว่าสารทริปโตแฟน (tryptophan) ในไก่งวงนั่นเองที่เป็นสาเหตุให้ผู้ที่รับประทานไก่งวงรู้สึกง่วงเหงาหาวนอน ทว่าในไก่งวงไม่ได้มีทริปโตแฟนมากไปกว่าไก่ทั่วไปหรือเนื้อวัวเลย มีเท่าๆ กันประมาณ 350 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 115 กรัม ขณะที่แหล่งโปรตีนอื่นๆ อย่างเนื้อหมูหรือชีสมีทริปโตแฟนมากกว่าไก่งวงเสียอีกเมื่อเทียบเป็นน้ำหนัก เพียงแต่ว่าผู้คนนิยมบริโภคไก่งวงกันมากเป็นพิเศษในช่วงวันหยุด และยังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย เหตุนี้จึงทำให้รู้สึกง่วงและหลับง่ายกว่าปกติ
      
นอกจากนี้แพทย์ยังนำกลไกในร่างกายมาอธิบายได้ว่าอาการง่วงนอนมักเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาหารมื้อนั้นเป็นเนื้อสัตว์เสียส่วนใหญ่ หรือมีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตมาก จะกระตุ้นให้รู้สึกง่วงนอนมากเป็นพิเศษ เนื่องจากว่าเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ลดลง
      
7. ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในโรงพยาบาล เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย
      
ที่ผ่านมายังไม่เคยมีผู้ป่วยในโรงพยาบาลเสียชีวิตเนื่องมาจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่พบว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่รบกวนการทำงานของอุปกรณ์การแพทย์บางอย่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น เครื่องควบคุมการให้สารละลายในผู้ป่วย (infusion pump), เครื่องเฝ้าติดตามการทำงานของระบบหัวใจ (cardiac monitor)
      
ทว่าขณะที่ยังไม่มีรายงานใดๆ ยืนยันถึงอันตรายของการใช้โทรศัพท์มือในโรงพยาบาล ในปี 2545 มีการเผยแพร่เรื่องที่มีการใช้โทรศัพท์มือถือในสถานพยาบาลแห่งหนึ่งแล้วปรากฏว่าเครื่องควบคุมการให้สารอะดรีนาลีน (adrenaline) ทำงานผิดปกติ หลังจากนั้นวอลล์สตรีทเจอร์นัล (Wall Street Journal) ก็นำก็รายงานมากว่า 100 รายงานที่ระบุว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่รบกวนการทำงานของอุปกรณ์แพทย์ในช่วงก่อนปี 2536 ทำให้โรงพยาบาลต่างๆ ไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือในโรงพยาบาล
      
เมื่อไม่นานมานี้มีการศึกษาวิจัยถึงเรื่องดังกล่าวในประเทศอังกฤษ พบว่าโทรศัพท์มือถือรบกวนการทำงานของอุปกรณ์แพทย์เพียง 4% เท่านั้น และต้องอยู่ห่างจากอุปกรณ์นั้นภายในระยะไม่เกิน 1 เมตร และจากการทดสอบการใช้โทรศัพท์มือถือ 300 ครั้งในห้องพักพื้น 75 ห้อง ไม่พบสิ่งใดผิดปกติเลย ในทางตรงกันข้ามพบว่าแพทย์ที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนสามารถสื่อสารได้ชัดเจน และลดความผิดพลาดได้มากยิ่งขึ้น
Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This
วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

การเตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่นะฮะ

การเตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่

1. ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ 15 วัน โลกจะเอียงก้มหัวให้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือละลาย จะนำไปสู่คลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่แผ่นดิน (ปัจจุบันเกิดขึ้นแล้ว)

2. เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เป็นเวลา 49 วัน ในระหว่างเดือนตุลาคม พฤศจิกายน

3. ฝนตกครั้งใหญ่ทั่วโลก (ระยะชำระล้างเป็นเวลา 7 วัน)

*ใน 3 วันแรกจะเกิดสงครามนิวเคลียที่ทวีปเอเชีย ในประเทศที่เป็นอริต่อกัน

ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

1. เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่

2. พายุถล่ม

3. แผ่นดินแยกและแผ่นดินไหว

4. ภูเขาไฟระเบิด (จังหวัดทางภาคกลาง 2 ลูก,ภาคเหนือตอนล่าง 3 ลูก,อีกทั้งที่จังหวัด ราชบุรี น่าน แพร่ อ.ร้องกวาง)

5. คลื่นยักษ์จากทะเล

6. โรคระบาดที่สุดจะเยียวยา ได้แก่ Virusteria,อหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่ ผู้ที่ได้รับเชื้อจะเสียชีวิตทันทีภายใน 6 วัน

7. คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนั้นมากก่อน

8. อดอยากขาดแคลนอาหาร

การเตรียมตัวเตรียมปัจจัยเพื่อตนเองและสมาชิกในครอบครัว

1. เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ที่บ้านอย่างน้อย 3-6เดือน

2. เครื่องนุ่งห่มเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋าน้ำร้อน ผ้าห่ม ฯลฯ เพราะในช่วงเวลานั้นอากาศจะหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ

3. เครื่องใช้ที่จำเป็น

4. ที่อยู่อาศัย

5. ยารักษาโรค

6. ด่างทับทิมและคาราไมล์(จำเป็นมาก) ห้ามกินอาหารที่มาได้ล้างด้วยด่างทับทิม เพราะจะมีทั้งเชื้อโรคและสารกัมมันตรังสี ส่วนอาราไมล์ จะมีไว้รักษาโรคทางผิวหนังที่ดูเหมือนจะยากต่อการรักษา แต่เมื่อทาคาราไมล์แล้ว จะหายได้อย่างน่าอัศจรรย์

7. ยานพาหนะ เช่น เรือ เสื้อชูชีพ

8. เครื่องช่วยชีวิต

9. แสงสว่างเช่น เทียน ตะเกียงพายุ (เวลานั้นท้องฟ้าจะมืดมิด 7 วัน เท่ากับ 1 ราตรี และจะมืดมิดรวม 7 ราตรี หรือ 49 วัน ไฟฟ้าจะดับทั่วโลก)

10. เครียมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

การดุแลตัวเองในช่วงวิกฤติ

1. ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็ดขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้ามเปิด ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นญาติสนิทหรือคนที่เรารู้จักก็ตาม

2. ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษ ทั้งเชื้อโรคและสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้น

3. ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆ แต่ถ้าหลีกเลียงไม่ได้ต้องใช้ด่างทับทิมล้างทุกครั้ง

4. ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น เพราะช่วงเวลานั้นประตูมิติของโลกทั้ง 3 ภพ จะถูกเปิดเป็นครั้งแรก ผู้ไม่เชื่อเรื่องผีสาง จิตวิญญาณ ก็จะได้เห็น คนที่มาเยือนอาจเป็นผีเปรต ผีโขมด ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราจำแลงมาก็เป็นได้และห้ามอยากรู้อยากเห็นโดนเด็ด ขาด

5. ห้ามกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด

6. ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม

7. ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย

8. ระวังอากาศที่หนาวเย็น

9. ระวังสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษเช่น งูพิษ จระเข้

10. ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน 3 ชั้น เพราะตึกสูงเกิน 3 ชั้น จะพังทลายราบเป็นหน้ากลอง

การเตรียมจิตวิญญาณ

1. ชำระกรรมให้เบาบางโดย หยุดโลภ โกรธ หลง ทำจิตใจให้สงบเบิกบาน เพราะวันนั้นจะมีผู้ที่เส้นโลหิตในสมองแตก เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เพราะเสียงที่ดังกึกก้องไปกระตุ้นเส้นเลือดในสมองให้แตก ดังนั้น ต้องปล่อยวาง ทำจิตให้เป็นบวก จะช่วยได้มาก

2. มีสำนึกทางจิตวิญญาณ

3. ฝึกการละวาง

4. มีสติรู้ตัวตลอดเวลา

5. ฝึกการทำโฆษกรรม ขออภัยต่อเจ้ากรรมนายเวร หรือผู้ที่เราล่วงละเมิด

การดูแลแก่นแท้ยามมีภัย

1. ได้ยินเสียงใด ให้ละวางสิ่งนั้น รู้เห็นสิ่งใด ให้ละวางสิ่งนั้น ต้องไม่รับรู้ ไม่รับเห็น ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงคนข้างบ้านร้องเพราะกำลังจะตาย หรือได้ยินเสียงใดที่น่าหวาดกลัว ต้องได้ยินแล้วผ่านเลยไป หากละวางไม่ได้จะเกิดอาการ ตายก่อนตาย” (รู้ว่าตนเองจะต้องตายแน่ๆ หรือการตายทั้งเป็น)

2. ยอมรับให้ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีสติตลอดเวลา

3. อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้กลัวมากขึ้น ควรหากิจกรรมทำ เช่น อ่านหนังสือธรรมะ เพื่อให้จิตเป็นบวกเกิดความอิ่มเอิบ

4. สังเกตธรรมชาติก่อนนาทีวิกฤติจะเกิดขึ้น

ลางบอกเหตุก่อนเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ (ระยะ 2 )

ท้องฟ้ามืดมิดผิดปกติ ใบไม้จะพลิกคว่ำพลิกหงาย และดูหดหู่ สัตว์ทั้งหลายจะไม่ปรากฏกายให้เห็น แต่ถ้ามีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านจะเห็นมันวิ่งลุกลี้ลุกลนผิดปกติ หรือบางตัวจะนอนนิ่งน้ำตาซึม

เรื่องเวลาที่แน่นอนนั้น ขอบอกตามตรงว่า ไม่ทราบ เพราะจริงๆแล้วน่าจะเกิดตั้งแต่ ค.ศ. 1999 ตามที่นอสตราดามุสทำนายเอาไว้ แต่เมื่อดูจากเหตุการณ์ในปัจจุบันแล้ว ภัยธรรมชาติที่รุนแรงอย่างไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิตนี้ และจากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ต่างๆ คิดว่าจะเกิดภายใน 1 – 3 ปีนี้

เป็นกรรมของสัตว์โลกนะ ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่าระบบจะเริ่มล้างมนุษย์ปลายปี 47 แล้วจะมีเหตุอื่นมาล้างเรื่อย ๆ ด้วยระบบภัยพิบัติทางดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาดและอุบัติภัยสงคราม และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนพระจักรพรรดิลงมาก ภัยพิบัติจึงจะสงบ

ต่อไปที่จะวิบัติหนัก ๆ ก็คือ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา ฯลฯ ในโลกนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้เพราะกรรมของมนุษย์เป็นแบบนั้น

สำหรับเมืองไทย ต่อไปกรุงเทพฯ ก็มิใช่จะปลอดภัยเพราะฝ่ายรักษาภายในของกทม เริ่มถอนระบบออกไปมากแล้ว และต่อไปภาคใต้แทบจะไม่เหลือ จะเป็นเกาะ แก่งทั้งหมด เราเข้าใจว่าภัยพิบัติในภาคใต้ สัญญาณของยุคจักรพรรดิที่กำลังจะเริ่มต้น ที่จริงมีสัญญาณอย่างอื่นด้วย แต่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เช่น เรื่องธาตุแก้วเจ็ดประการที่เริ่มเข้ามาสู่ระบบแล้ว และมีสิ่งของอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่กระจัดกระจายกันอยู่ในหลายประเทศ เป็นต้น

ครูบาอาจารย์เคยเล่าว่า แค่นาคโก่งหลังขึ้นมามนุษย์ก็ตายเป็นเบือแล้ว ต่อไปบางที่ก็จะหายไปทั้งเกาะ นี่ยังไม่นับภัยพิบัติจากท้าวกกนาคแถวลพบุรีที่ในไม่ช้า (ช่วงท้ายของภัยพิบัติ) จะลุกขึ้นมา (ภายใน) เพื่อไปรอรับพระจักรพรรดิ ขณะที่ทหารลิง 18 กองพล ที่เคยเฝ้ายักษ์ตนนี้อยู่ที่อื่น ครูบาอาจารย์ท่านว่ายักษ์กกนาคตนนี้มีพิษมาก แค่พลิกตัว พิษของยักษ์ก็จะทำให้เกิดโรคร้ายแรงได้ มนุษย์จะตายไปครึ่งโลก แต่คนที่มีศีลก็ไม่เป็นไร

เราค่อนข้างมั่นในว่า ภายในปี 2560 ประเทศไทยจะได้เป็นมหาอำนาจและไทยกับลาวจะรวมกันเป็นหนึ่ง (ประเทศเดียวกัน) ท่านไหนที่ขยันหมั่นเพียรรักษาศีล ภาวนา ก็จะได้มีโอกาสอยู่ในยุคใหม่ต่อไป ส่วนท่านที่ยังไม่มีศีลธรรมพอ ก็คงต้องไปตามวิถีกรรมของตนเอง

ศาสนาอื่นนั้นไม่มีเหลือ เมื่อถึงเวลาแล้วจะหนีตายมาพึ่งศาสนาพุทธกันหมด เท่าที่ทราบต่อไป มหาอำนาจอย่างเช่น อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ จะต้องมาพึ่งพาไทย ศูนย์กลางโลก ศูนย์กลางศาสนา อยู่ในประเทศไทย ซึ่งต่อไป ที่แห่งหนึ่งในประเทศไทย จะเป็นใจกลางโลก ใจกลางศาสนา

ในยุคจักรพรรดิ ทั้งโลกจะถูกปกครองโดย 3 ร่มโพธิ์ศรีอัญญาสิทธิ์และอัญญาธรรม พระจักรพรรดิจะเป็นพระมหากษัตริย์ของโลกอย่างที่พวกยิงเขาคิดจะครองโลกกัน นั้นไปไม่ถึงดวงดาวหรอกเพราะวิทยาศาสตร์ถึงทางตันแล้ว

เหตุที่เกิดในภาคใต้ซึ่งเป็นเขตพระพุทธศาสนายังรุนแรงขนาดนี้ ต่อไปเหตุที่เกิดในเขตศาสนาอื่นๆนั้น จะรุนแรงกว่านี้มาก และความหายนะที่จะเกิดขึ้นนั้นก็จะมากด้วย

ถ้าหากศึกษาถึงเชื้อของจิตวิญญาณเดิมของการมาเกิดก็จะเข้าใจว่า อย่างอิสลามและคริสต์นั้น เชื้อจิตวิญญาณเดิมหรือต้นธาตุของจิตวิญญาณของพวกนี้ เป็นพวกยักษ์ ตระกูลต่างๆ ดังนั้น ที่ครูบาอาจารย์ท่านว่า พวกยักษ์นอกศาสนาเขาตีกันนั้นก็พวกยักษ์เหล่านี้แหละที่มีปัญหา และพวกยักษ์เหล่านี้ก็มาเกิดมากในยุคนี้ ส่วนใหญ่ในเขตประเทศไทย และประเทศใกล้เคียงจะเป็นเชื้อนาค เชื้อเทวดา เชื้อครุฑ คนในเขตประเทศไทยส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับการเกิดเป็นเชื้อต่างๆ เหล่านี้ขึ้นอยู่กับชาติที่ทำบารมีมาเด่นๆ ว่าเคยทำบารมีในภพภูมิไหนมาก ก็จะมีความเกี่ยวพันกันกับภพภูมิเหล่านั้น และเมื่อถึงเวลาก็จะเป็นการทำบารมีร่วมกันระหว่างภพภูมิ และบางครั้งการทำงานจากภายใน ก็จะส่งผลออกมาสู่ภายนอก แต่คนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน ที่เห็นก็คือผลที่แสดงออกมาภายนอก และพยายามอธิบายกันด้วย

Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This
วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

Room3.50บาท - เบา เบา


รูม 3บาท 50 ไอสาด กุว่าเมาๆไม่ไช่เบาๆ รั่วจัด
Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This

ลืมไปก่อน โคมปะการัง ft. เกรียน peace

ไอนี่แม่งว่าง เค้าชื่อ โคมม ปะการัง
Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This
วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

หมวก มะ??



Fitted cap DECKYJOKER 7 1/4 (65 EUR)
Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This

Eminem - Love The Way You Lie ft. Rihanna (Parody by Kome)

Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This

No Woman, No Cry -Bob Marley

No Woman, No Cry
-Bob Marley


No, woman, no cry;
No, woman, no cry;
No, woman, no cry;
No, woman, no cry.

Said - said - said: I remember when we used to sit
In the government yard in trenchtown,
Oba - obaserving the ypocrites
As they would mingle with the good people we meet.
Good friends we have, oh, good friends weve lost
Along the way.
In this great future, you cant forget your past;
So dry your tears, I seh.

No, woman, no cry;
No, woman, no cry.
ere, little darlin, dont shed no tears:
No, woman, no cry.

Said - said - said: I remember when-a we used to sit
In the government yard in trenchtown.
And then Georgie would make the fire lights,
As it was logwood burnin through the nights.
Then we would cook cornmeal porridge,
Of which Ill share with you;
My feet is my only carriage,
So Ive got to push on through.
But while Im gone, I mean:
Everythings gonna be all right!
Everythings gonna be all right!
Everythings gonna be all right!
Everythings gonna be all right!
I said, everythings gonna be all right-a!
Everythings gonna be all right!
Everythings gonna be all right, now!
Everythings gonna be all right!

So, woman, no cry;
No - no, woman - woman, no cry.
Woman, little sister, dont shed no tears;
No, woman, no cry.

I remember when we used to sit
In the government yard in trenchtown.
And then Georgie would make the fire lights,
As it was logwood burnin through the nights.
Then we would cook cornmeal porridge,
Of which Ill share with you;
My feet is my only carriage,
So Ive got to push on through.
But while Im gone:

No, woman, no cry;
No, woman, no cry.
Woman, little darlin, say dont shed no tears;
No, woman, no cry.

Eh! (little darlin, dont shed no tears!
No, woman, no cry.
Little sister, dont shed no tears!
No, woman, no cry.)

คำแปล
ไม่... คุณผู้หญิง อย่าร้องไห้ ๆๆๆ

ฉันยังจำวันที่เราเคยนั่งที่สนามของรัฐในเมืองเทรนช์ทาวน์ (ในจาไมกา)
เฝ้าสังเกตพวกหน้าไหว้หลังหลอก
ที่มักจะอยู่ปนกับคนดีๆที่เราพบ
เพื่อนดีๆที่เรามี และ เพื่อนดีๆที่เราสูญเสีย ไปตลอดเส้นทางเดิน
มีอนาคตที่แสนยิ่งใหญ่รออยู่ แม้เธอไม่สามารถลืมอดีตของเธอได้
ดังนั้น เช็ดน้ำตาให้แห้ง

ไม่...คุณผู้หญิง อย่าร้องไห้ๆ
สาวน้อย...อย่าให้น้ำตาไหลออกมา
ไม่...คุณผู้หญิง อย่าร้องไห้

ฉันจำวันที่เราเคยนั่งที่สนามของรัฐในเมืองเทรนช์ทาวน์
จากนั้น จอร์จี้จุดไฟ ไฟที่เผาท่อนไม้ให้สว่างตลอดทั้งคืน
แล้วเราก็ปรุงแป้งข้าวโพดต้ม
ที่นั้นซึ่งฉันได้แบ่งปันกับเธอ
ฉันมีเพียงเท้าที่ใช้เดินทาง
ดังนั้นฉันต้องเดินต่อไป
แต่เมื่อฉันเดินไป ฉันหมายความว่า
ทุกอย่างจะดีเอง
ทุกอย่างจะดีเอง
ทุกอย่างจะดีเอง
ทุกอย่างจะดีเอง
เชื่อฉัน.... ทุกสิ่งจะดีเอง
ทุกอย่างจะดีเอง
ทุกอย่างจะดีเอง
ทุกอย่างจะดีเอง

ไม่...คุณผู้หญิง อย่าร้องไห้ๆ
สาวน้อย...อย่าให้น้ำตาไหลออกมา
ไม่...คุณผู้หญิง อย่าร้องไห้

Credit : Everythings gonna be all right

ถึงลุงบ็อบ มาเลย์์จะจากไปแล้วแต่เพลงทุกเพลงที่เขาได้ขับร้องจะยังคงอยู่ในใจของ Rastafarain และทุกคน ตลอดไป...........

"Get up Stand up For your right!"
Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This

อัลพราโซแลม / เบนโซไดอะซีปีน โดย. กรมสุขภาพจิต

อัลพราโซแลม / เบนโซไดอะซีปีน
โดย. กรมสุขภาพจิต

เป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับเรื่อง ยา เตือนวัยรุ่นระวังยาเสียตัว ทบ.ระบุกำลังระบาดหนักแทนยาบ้า ซึ่งยาดังกล่าวชื่อ "อัลพราโซแลม" ซึ่งเป็นยาในกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ชื่อ เบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepines) ซึ่งมีอยู่หลายชนิด อัลพราโซแลม เป็นหนึ่งในกลุ่มยาดังกล่าว ดังนั้น วันนี้กรมสุขภาพจิตได้ฐานะที่รับผิดชอบส่วนหนึ่งในการใช้ยากลุ่มนี้ จึงขอนำเสนอข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับยาดังกล่าวให้ได้ทราบกัน ดังนี้

Benzodiazepine เป็นยาคลายกังวล (antianxiety) เป็นยาที่ใช้บ่อยในเวชปฏิบัติทั่วไป กลุ่มที่มีความสำคัญได้แก่ เบนโซไดอะซีปีน ซึ่งมีคุณสมบัติที่สำคัญคือ ฤทธิ์คลายกังวล นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์อื่นๆ อีกได้แก่ คลายกล้ามเนื้อ ทำให้ง่วงซึม และระงับการชัก จึงทำให้ เบนโซไดอะซีปีน เป็นยาคลายกังวลกลุ่มที่ใช้บ่อยที่สุด ในระยะหลังมีการสังเคราะห์ยาคลายกังวลกลุ่มอื่นมาใช้เพิ่มขึ้น แต่การใช้ยังไม่เป็นที่นิยมเท่ายากลุ่ม เบนโซไดอะซีปีน ในที่นี้จะกล่าวถึงยากลุ่ม เบนโซไดอะซีปีน เป็นหลัก ส่วนยาคลายกังวลชนิดอื่นจะกล่าวพอสังเขป

กลไกการออกฤทธิ์
เบนโซไดอะซีปีน ออกฤทธิ์โดยจับตัวกับ GABA receptor ในสมองเป็น GABA - เบนโซไดอะซีปีน receptor complex ทำให้ chloride ion channel มีการเปิดตัวรับ chloride เข้าเซลล์ เซลล์ประสาทอยู่ในภาวะ hyperpolarization ดังนั้น เบนโซไดอะซีปีน จึงมีคุณสมบัติยับยั้งการสื่อประสาท ผลในทางคลินิกของ เบนโซไดอะซีปีน เป็นยาออกฤทธิ์ที่มีผลต่อเซลล์ประสาทบริเวณ cerebellum ทำให้เกิดอาการ ataxia ผลต่อบริเวณ reticular formation ทำให้เกิดอาการง่วงซึม ผลต่อบริเวณ hippocampus ทำให้ยามีปัญหาด้านความจำ และผลต่อบริเวณ spinal cord ทำให้มี muscle relaxation เป็นต้น

เภสัชจลนศาสตร์
เบนโซไดอะซีปีน ที่ถูกดูดซึมได้ดีจะออกฤทธิ์ค่อนข้างเร็ว ระยะเวลาในการดูดซึมของ เบนโซไดอะซีปีน เช่น clorazepate นาน 0.5 ชั่วโมง diazepam นาน 1 ชั่วโมง triazolam นาน 1.3 ชั่วโมง alprazolam และ lorazepam นาน 2 ชั่วโมง เป็นต้น
นอกจากนี้การออกฤทธิ์ของยาขึ้นอยู่กับความสามารถในการละลายไขมันของยา โดยยาที่ละลายไขมันได้ดีจะออกฤทธิ์เร็วเนื่องจากสามารถผ่านเข้าสมองได้ง่าย แต่ระยะเวลาของการออกฤทธิ์จะสั้นเนื่องจากการกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เร็ว (มี distribution half-life ต่ำ) ระดับยาในเลือดจึงลดลงเร็วกว่ายาที่ละลายไขมันได้น้อย ยาที่ละลายในไขมันได้ดีได้แก่ diazepam, alprazolam, chlordiazepoxide และ lorazepam ตามลำดับ

ข้อบ่งใช้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์เท่านั้น
1. Generalized anxiety disorder
2. Panic disorder
3. Social phobia
4. Insomnia
5. Situational anxiety เช่น ก่อนผ่าตัด หรือมีภาวะเครียดจากสิ่งกดดันภายนอก
6. ภาวะอื่นๆ เช่น alcohol withdrawal syndrome ผลข้างเคียง akathisia จากยารักษาโรคจิต

ข้อควรระวังในการใช้ยา
ไม่มีข้อห้ามโดยเด็ดขาดในการใช้ยา เบนโซไดอะซีปีน แต่ควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยโรคmyasthenia gravis ผู้ที่มีแนวโน้มจะใช้ยาในทางผิดๆ ผู้ตั้งครรภ์ ส่วนในผู้ป่วยสูงอายุและผู้ป่วยโรคตับควรใช้ยาที่ถูกทำลายโดยกระบวนการ conjugation หรือมีค่าครึ่งชีวิตสั้น ไม่ควรใช้ยานี้พร้อมกันกับสุราหรือยาที่มีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง

ฤทธิ์ข้างเคียงของยา
1. การกดประสาทส่วนกลาง โดยผู้ป่วยจะมีอาการง่วงซึม อ่อนแรง เดินเซ nystagmus และ dysarthexia ผู้สูงอายุซึ่งมีระดับโปรตีนชนิดกลอบลูลินในเลือดต่ำ มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงเหล่านี้ได้ง่าย ระดับอาการสัมพันธ์กับขนาดยา และส่วนใหญ่อาการนี้จะดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ดังนั้นในช่วงแรกของการใช้ยาควรเตือนผู้ป่วยไม่ให้ขับรถหรือเลี่ยงการทำงานกับเครื่องจักรกลที่อาจเกิดอันตราย ในผู้สูงอายุต้องเตือนให้ระวังหกล้มหากมีอาการเดินเซ โดยเฉพาะหากลุกเข้าห้องน้ำกลางดึก
2. อาการหลงลืม โดยเฉพาะ anterograde amnesia มักพบหลังการได้ เบนโซไดอะซีปีน เข้าเส้น หรือหลังกินยา triazolam คือมีลักษณะอาการหลังกินยา ผู้ป่วยจะยังสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้วมักนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ขณะนั้นไม่ออก จึงควรเลี่ยงการกินยาก่อนทำกิจกรรมที่ต้องอาศัยความจำ หรือการตัดสินใจที่สำคัญๆ
3. Disinhibition ได้แก่ กล้าแสดงออกในสิ่งซึ่งตามปกติแล้วผู้ป่วยไม่กล้าทำ ดังที่พบในผู้ดื่มสุรา
4. Paradoxical excitement แทนที่ผู้ป่วยจะสงบ กลับมีพฤติกรรมวุ่นวายอาละวาดก้าวร้าวตนเองหรือผู้อื่นได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีอาการทางสมอง (organic brain syndrome)

การพึ่งพายา (drug dependence)
ในที่นี้ใช้คำว่า "พึ่งพายา (drug dependence)" แทนที่จะใช้คำว่า "ติดยา (drug addiction)" เนื่องจากมีความหมายต่างกัน เดิมมองกันว่าการพึ่งยาทางกายได้แก่การที่ผู้ป่วยมีอาการต่างๆ เมื่อหยุดยานั้น เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงการติดยา(drug addiction) แต่ปัจจุบันได้ละทิ้งแนวคิดเช่นนี้ไปแล้ว เนื่องจากพบว่าไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ดังเช่น ยาที่ทำให้ติดได้สูงมากเช่น โคเคน ไม่มีอาการขาดยาทางกาย ในขณะที่ยาลดความดันเลือดเช่น clonidine หรือ propranololgina) แทนที่จะมองว่าการเกิดอาการเมื่อขาดยาหมายถึงการติดยา
ปัจจุบันจะมองการติดยาว่าเป็นภาวะที่ประกอบด้วยอาการทางความคิด อารมณ์ พฤติกรรม และการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ซึ่งบ่งถึงการหมกมุ่นอยู่กับการใช้สารอย่างหักห้ามใจตนเองไม่ได้ แม้จะทราบดีถึงผลเสียที่เกิดจากการยังคงเสพสารนั้นอยู่
ดังนั้นการที่ผู้ป่วยมีอาการทางกายเมื่อขาดยา แต่มิได้หมายความว่าเขาติดยาดังที่สังคมมักเข้าใจกัน นอกจากนี้ การเกิดภาวะดื้อต่อยาได้แก่การที่มีความต้องการใช้ยานั้นเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ซึ่งผล หรือผลของยาจะลดลงไปอย่างมากเมื่อมีการใช้อย่างต่อเนื่องในจำนวนที่เท่าเดิมนั้น ก็อาจไม่พบหรือไม่ได้พบมากดังที่เกิดกับยาเสพติด ผู้เขียนเคยพบผู้ป่วยรายหนึ่งอายุ 65 ปี กินยาอัลพราโซแลม ขนาด 0.5 มิลลิกรัม ก่อนนอนมานานกว่า 10 ปี หากขาดยาจะนอนไม่หลับ โดยที่ผู้ป่วยไม่เคยเพิ่มขนาดยาขึ้นเลย ในกรณีเช่นนี้โดยทั่วไปแล้วไม่จำเป็นต้องทำอะไร หากผู้ป่วยต้องการหยุดยาหรือมีปัญหาในการใช้ยา การช่วยเหลือให้ผู้ป่วยหยุดยาจะเน้นที่การลดปริมาณยาลงอย่างช้าๆ หรือให้ยาอื่นทดแทน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะขาดยา
ภาวะขาดยาได้แก่การที่เมื่อผู้ป่วยหยุดยาแล้วมีอาการของภาวะขาดยาปกติแล้วในคนทั่วไปภาวะนี้ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงนัก ยกเว้นผู้ที่มีประวัติติดสุราหรือสารเพสติดต่างๆ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงไปใช้ยาในกลุ่มแก้ซึมเศร้ามากกว่าลักษณะของอาการในกลุ่มนี้โดยรวมเรียกว่า discontinuation syndrome ซึ่งแบ่งออกได้เป็น
1. Recurrence คือการที่ผู้ป่วยกลับมามีอาการของโรคเหมือนเดิมก่อนป่วยอีก มักค่อยๆ เกิดและเป็นหลังหยุดยาไประยะหนึ่ง หากมีอาการเช่นนี้แสดงว่าผู้ป่วยยังจำเป็นต้องใช้ยาอยู่
2. Rebound ได้แก่ การกลับมามีอาการที่มีลักษณะเหมือนเดิมในช่วงเวลาไม่นานหลังกานหยุดยา แต่ความรุนแรงจะมากกว่า อาการที่พบบ่อยได้แก่ rebound anxiety และ insomnia หากอาการไม่มากนักก็มักจะรอให้ค่อยๆ ดีขึ้นเอง โดยทั่วไปจะมีอากรประมาณไม่กี่วันถึง 1-2 สัปดาห์ ถ้าอาการมากควรให้ เบนโซไดอะซีปีน ที่ออกฤทธิ์นาน เมื่อหายจากอาการแล้วจึงลดขนาดยาลงช้าๆ
3. Withdrawal การมีอาการในกลุ่มขาดยา เบนโซไดอะซีปีน ได้แก่ อาการวิตกกังวล นอนไม่หลับ สั่น เหงื่อแตก คลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วน tinnitus อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว delirium หรือชัก เป็นต้น ลักษณะอาการอาจต่างจากผู้ป่วยเคยเป็นมาก่อน ระยะเวลาในการเกิดอาการขึ้นกับค่าครึ่งชีวิตของยา โดยยาที่มีค่าครึ่งชีวิตสั้นจะเกิดอาการภายใน 1-2 วัน ในขณะที่ยาที่มีค่าครึ่งชีวิตยาวมักเกิดอาการภายใน 2-5 วัน

ส่วนยาที่เป็นข่าวมีชื่อและข้อมูลแยกออกมาให้เห็นชัดเจนดังนี้คือ
ยา Alprazolam
ชื่อการค้า Xanax, Anpress, Farzolam, Pharnax
รูปแบบ ยาเม็ดขนาด 0.25, 0.5 และ 1 มิลลิกรัม
ข้อบ่งใช้ รักษาโรควิตกกังวล รักษาผู้ป่วยที่มีอาการวิตกกังวล ร่วมกับอาการซึมเศร้า รักษาภาวะอาการตื่นตระหนกตกใจเกินเหตุ (Panic) ที่มีความกลัวร่วมด้วย
ผลข้างเคียง ง่วงนอน ซึม มึนงง ไม่มีสมาธิ สับสน อาจมีอาการดื้อยาหรือติดยา ไม่มีแรง เดินเซ ท้องผูก ปัสสาวะค้าง มีผื่นแพ้ ตามัว เห็นภาพซ้อน

เอกสารอ้างอิง: มาโนช หล่อตระกูล. คู่มือการใช้ยาทางจิตเวช, ยาคลายกังวล, พิมพ์ครั้งที่ 2 , กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน 2547.
Add To FacebookAdd To TwitterAdd To YahooDigg This